04 May 2018

เบอร์โทรสำคัญในสหราชอาณาจักร


999
เบอร์ฉุกเฉิน
แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ ปล้นทรัพย์ เพลิงไหม้ ถูกทำร้าย เจ็บป่วยฉุกเฉิน เรียกรถพยาบาลและหน่วยกู้ภัย


101
สถานีตำรวจ
แจ้งเหตุร้ายแบบไม่เร่งด่วน เช่น รถหาย พบเห็นอาชญากรรม ถูกก่อกวนความสงบ หรือแค่ต้องการคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ


111
สายด่วนNHS
บริการสุขภาพ ให้ข้อมูลและตอบปัญหาด้านสุขภาพ ทั้งอาการเร่งด่วนและไม่เร่งด่วน สามารถคุยกับแพทย์และพยาบาลได้ทันที


0808 2000 247
แจ้งเหตุทารุณกรรมในครอบครัวกับหน่วยงาน Women’s Aid และ Refuge


0300 1234 999
แจ้งเหตุทารุณกรรมสัตว์กับ หน่วยงาน RSPCA


0300 123 7000
แจ้งอาชญากรรมและเบาะแสเกี่ยวกับคนต่างด้าว เช่น การลักลอบจ้างงานนอกวีซ่า หนีวีซ่าหรือโอเวอร์สเตย์


0800 788 887
แจ้งอาชญากรรมและเบาะแสเกี่ยวกับการหนีภาษี หน่วยงาน HMRC


0300 123 2241
ติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง UK Visas and Immigration ปรึกษาปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับวีซ่า




24 April 2018

พกอาหารไปอังกฤษได้มั้ย? - Can I bring food to UK?

ผลิตภัณฑ์อาหารชนิดใดบ้างที่สามารถนำเข้ามาในยูเคได้? ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ผลิตหรือบรรจุผลิตภัณฑ์นั้น แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราเดินทางมาจากที่ไหน


ถ้าเดินทางมาจากประเทศในสหภาพยุโรป
เราสามารถนำอาหารสด ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ นม หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์อื่น ๆ เช่น ปลา ไข่ และน้ำผึ้ง เข้ามาในยูเคได้อย่างไม่จำกัด


แต่ถ้าเราเดินทางมาจากนอกสหภาพยุโรป
อย่างเช่นเรามาจากเมืองไทย จะมีกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการนำอาหาร พืช และผลิตภัณฑ์จากพืชเข้าสู่ยูเคเพื่อการบริโภคหรือการใช้ส่วนตัว ทั้งการแพ็คมาในกระเป๋าเดินทางและการส่งทางไปรษณีย์



เชื้อโรคต่างๆ เช่น โรคปากและเท้าเปื่อย และโรคไข้หวัดนก สามารถเดินทางเข้ามาในยูเคได้ง่ายดายผ่านทางผลิตภัณฑ์จากสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และนม ส่วนผักและผลไม้ก็อาจมีแมลงที่สามารถมาแพร่กระจายในพืชผักในยูเคได้ โรค แมลง ศัตรูพืชเหล่านี้อาจส่งผลต่อระบบปศุสัตว์ การเกษตร และสิ่งแวดล้อมของยูเคอย่างใหญ่หลวง นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภค เนื่องจากเชื้อโรค สิ่งตกค้าง หรือสารปนเปื้อนต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์จากปลา น้ำผึ้ง เนื้อสัตว์ ที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีที่ได้มาตรฐาน
ตัวอย่างที่มีให้เห็นคือ การระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยในปีพ.ศ.2544 มีมูลค่าเสียหายถึงประมาณ 3 พันล้านปอนด์ทั้งด้านการเกษตรและปศุสัตว์





ข้อจำกัดการนำเข้าอาหาร
1. ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์จากสัตว์บกใดๆทั้งสิ้น สัตว์บกหมายถึง ไก่ เป็ด หมู วัว นก หนู แพะ แกะ ฯลฯ อาหารที่คนไทยชอบลักลอบนำเข้าและมักถูกจับดำเนินคดีเช่น หมูหยอง กุนเชียง หมูยอ ลูกชิ้น แค็ปหมู หนังไก่ เป็นต้น

2. ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์นมจากสัตว์ใดๆทั้งสิ้น (ยกเว้นนมผง อาหารเด็ก และอาหารสัตว์เลี้ยงเท่าที่จำเป็น)



3. สามารถนำเข้านมผงหรืออาหารสำหรับทารกได้รวมกันไม่เกิน 2 กิโลกรัมต่อผู้เดินทางในกรณีที่เดินทางกับเด็กทารก และอาหารพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงหรือเพื่อเหตุผลทางการแพทย์ น้ำหนักรวมไม่เกิน 2 กิโลกรัมต่อผู้เดินทางในกรณีที่เดินทางกับสัตว์เลี้ยง โดยที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นต้องแช่เย็น ไม่บูดเสีย หีบห่อไม่ชำรุด และอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน



4. สามารถนำเข้าผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำและการประมงได้รวมกันรวมไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อผู้เดินทาง โดยที่ปลาสดต้องทำสะอาดและเอาเครื่องในออกเกลี้ยงแล้ว ผลิตภัณฑ์ประมงรวมถึงปลาแปรรูป ตากแห้ง ปรุงสุก รมควัน กุ้ง ไข่ปลา หอยสดที่ตายแล้ว อาหารที่คนไทยมักถามว่านำมาได้หรือไม่ และอยู่ในกลุ่มที่ได้รับอนุญาตนี้ ได้แก่ ปลาร้า กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง หอยดอง กะปิ น้ำปู ปลาส้ม ฯลฯ 

5. สามารถนำเข้าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ในรายการต่อไปนี้ได้รวมกันไม่เกิน 2 กิโลกรัมต่อผู้เดินทาง:
- หอยที่ยังไม่ตาย เช่น หอยแมงภู่และหอยนางรม
- ไข่สัตว์บกและผลิตภัณฑ์จากไข่
- ขากบ ไม่มีหนังและเครื่องใน
- น้ำผึ้ง
- แมลงที่ทำสุก
- หอยประเภทหอยขมทุกชนิด (เปลือกเป็นเกลียว) ต้องเอาเปลือกและเครื่องในออก ทำสุก และบรรจุให้เรียบร้อย


6. สามารถนำเข้าผักและผลไม้สดได้รวมกันรวมไม่เกิน 2 กิโลกรัมต่อผู้เดินทาง โดยที่ต้องสะอาด ผลไม้ไม่ติดก้าน ผักไม่ติดราก แต่ห้ามนำเข้าหัวมันฝรั่ง

7. คาเวียร์จากปลาสเตอร์เจียน เนื่องจากเป็นสัตว์อนุรักษ์ จึงให้นำเข้าได้ไม่เกิน 125 กรัมเท่านั้น

8. หนังสัตว์ ทั้งที่มีหรือไม่มีขน ต้องได้ผ่านการฟอกหนังที่ได้มาตรฐานและมีใบอนุญาตจึงจะสามารถนำเข้าได้อย่างไม่จำกัด การลักลอบนำเข้าหนังสัตว์จากการล่าที่ไม่ผ่านการฟอกอย่างได้มาตรฐาน มีบทลงโทษสูงถึงจำคุก 7 ปีและปรับอย่างไม่จำกัด



9. สามารถนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารในรายการต่อไปนี้ได้อย่างไม่จำกัด โดยที่ต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน:
- ขนมปัง เค้ก ต้องไม่มีไส้ที่เป็นของต้องห้ามที่กล่าวมา
- ช็อคโกแลต ลูกอม ขนม ต้องไม่มีส่วนผสมของนมที่ไม่ผ่านการแปรรูป
- แคปซูลเปล่า
- อาหารเสริมที่มีผลิตภัณฑ์จากสัตว์จำนวนน้อย เช่น แคปซูลน้ำมันปลา หรือไคโตซาน(เปลือกกุ้ง)
- เส้นพาสต้าหรือก๋วยเตี๋ยว
- แป้ง ข้าว ธัญพืชที่ผ่านการแปรรูป
- ผงปรุงรส ซุปก้อน อาหารแห้ง ที่มีส่วนประกอบแบบผงของเนื้อสัตว์ ไข่ นม เป็นจำนวนน้อยกว่า 50% แต่ห้ามมีเนื้อชิ้นๆเป็นส่วนประกอบ
- ผลิตภัณฑ์อาหารใดๆที่มีส่วนประกอบเป็นไข่และปลาน้อยกว่า 50%



การลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์จากสัตว์นั้นผิดกฎหมายและมีการลงโทษอย่างหนัก หากผู้โดยสารจงใจหลบเลี่ยงโดยการไม่สำแดงสินค้าโดยตนเอง แล้วถูกตรวจพบว่ามีสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาต จะได้รับการจับปรับและดำเนินคดีทางกฎหมาย

กฎเหล่านี้บังคับใช้กับการส่งสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางไปรษณีย์หรือผู้ขนส่งเอกชนด้วยเช่นกัน รวมถึงการซื้อสินค้าออนไลน์ สั่งซื้อมาบริโภคเอง ซื้อมาจากภายในสนามบินต่างชาติ เลี้ยงและผลิตเองถึงแม้จะบรรจุสุญญากาศมาอย่างดี


อ้างอิงข้อมูลจาก 

20 April 2018

วีซ่าติดตามและวีซ่าถาวรของอังกฤษคืออะไร? - What is a UK Settlement Visa

Settlement visa is absolutely essential for anyone who wishes to live in the UK with their direct family member (spouse, unmarried partner, civil partner, children, parents) who is British citizen or a UK permanent resident. Settlement visa holder has the right to live and work in the UK with an option to apply for extension, and can be considered the first step towards permanent residency. Once they have lived in the UK with this visa for 5 years, they will be eligible to apply to 'settle' which will allow them to live in the UK permanently, also known as Indefinite Leave to Remain.


วีซ่าติดตาม
วีซ่าย้ายถิ่นฐานติดตามครอบครัวเรียกว่าวีซ่า Settlement วีซ่านี้ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการย้ายไปอยู่อาศัยในยูเคอย่างถาวรกับสมาชิกโดยตรงในครอบครัวที่มีสิทธิ์อาศัยอยู่ในยูเคอย่างถาวร หรือมีวีซ่าถาวร หรือมีสัญชาติอังกฤษ (สมาชิกโดยตรงในครอบครัวหมายถึงคู่สมรส คู่พาร์ทเนอร์ พ่อแม่ลูก) ผู้ที่ถือวีซ่านี้จะสามารถมาอยู่อาศัย เรียนหนังสือ ทำมาหากินได้อย่างถูกกฎหมายทุกประการ วีซ่าที่ออกให้แต่ละครั้งจะมีอายุอย่างน้อย 2 ปี 6 เดือน เมื่อสะสมระยะเวลาวีซ่านี้ได้ครบ 5 ปีจะสามารถยื่นขอวีซ่าเพื่อเป็นพลเมืองถาวรได้


วีซ่าถาวร
Indefinite Leave To Remain - ILR เป็นวีซ่าแบบไม่จำกัดเวลาค่ะ ผู้ถือวีซ่าถาวรจะสามารถอาศัยอยู่ในยูเคได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องต่อวีซ่าอีกต่อไป สามารถรับสวัสดิการต่างๆของรัฐได้เทียบเท่ากับประชาชนของยูเค พูดง่ายๆคือทำทุกอย่างในยูเคได้เหมือนคนอังกฤษ ยกเว้นแค่ไม่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม วีซ่าถาวรมีผลสมบูรณ์ถาวรเมื่อผู้ถือวีซ่าอาศัยอยู่ในยูเคอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากย้ายไปต่างประเทศหรือทิ้งยูเคไปโดยไม่กลับมาเลยเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกันวีซ่านี้จะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ


เกณฑ์การเงิน
ผู้ที่จะขอย้ายมาอยู่ยูเคหรือขออยู่ถาวรได้ต้องแสดงความมั่นคงทางการเงิน มีหลักประกันให้สามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้โดยไม่เดือดร้อน หลักทรัพย์ที่สามารถใช้ค้ำประกันให้ผู้ขอวีซ่านี้ได้แก่
- รายได้ประจำจากหน้าที่การงานที่มีความมั่นคง
- รายได้ประจำจากการลงทุนที่มั่นคง
- บำนาญ
- เงินเก็บของคู่สมรสทั้งสองฝ่าย
เกณฑ์รายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ 18,600 ปอนด์ต่อปีโดยที่เกณฑ์จะสูงขึ้นถ้าต้องขอวีซ่าให้ลูกมาด้วยกัน อาจใช้รายได้และเงินเก็บรวมกันเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ได้โดยมีเงื่อนไขต่างๆ ดูรายละเอียดเงื่อนไขด้านการเงินได้ในคู่มือ Financial Requirement


B1 และ Life in the UK
ก่อนทางการยูเคจะอนุญาตให้เราขอวีซ่าถาวรเพื่อให้อาศัยอยู่ในยูเคได้ตลอดชีวิต เราจะต้องผ่านการทดสอบวัดระดับทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษในระดับB1 และการสอบความรู้รอบตัวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และกฎหมายบ้านเมืองเบิ้องต้นของยูเค การสอบนี้มีชื่อว่า Life in the UK เป็นข้อสอบปรนัย(ตัวเลือก)ที่เป็นภาษาอังกฤษล้วน 24 ข้อ ข้อสอบทุกข้อมาจากหนังสือชื่อ Life in the United Kingdom - A Guide For New Residents ซื่งเขียนโดยกระทรวงมหาดไทยของยูเคหรือโฮมออฟฟิศ (Home Office)

ตรวจวัณโรค
Tuberculosis screening test ก่อนจะขอย้ายมาจากประเทศที่ยังไม่ปลอดเชื้อวัณโรคอย่างเมืองไทย ผู้ขอวีซ่าทุกคนต้องไปตรวจเอ็กซเรย์​เพื่อคัดกรองการมีเชื้อวัณโรค​ค่ะ ผู้ที่ขอย้ายมาจากประเทศที่ปลอดเชื้อจะไม่ต้องตรวจ เช่น ดูไบ, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น​ ฯลฯ

การขอวีซ่าติดตาม​ครอบครัว​ที่นิยมทำมีอยู่ 2 แบบคือ วีซ่าติดตามคู่สมรส​สำหรับคู่ที่จดทะเบียน​สมรส​เรียบร้อยแล้ว​ และวีซ่าติดตามคู่หมั้น​เพื่อมาจดทะเบียน​สมรสที่อังกฤษ​ค่ะ ส่วน Spouse visa, Fiancé visa, Marriage visa, วีซ่าคู่สมรส, วีซ่าคู่หมั้น, วีซ่าแต่งงาน ต่างก็เป็นชื่อเล่นที่หลายคนเรียกวีซ่าในกลุ่ม Settlement



การขอวีซ่าติดตามแบบที่ 1
Settlement-Spouse
วีซ่าติดตามคู่สมรส
1.1) วีซ่าติดตามคู่สมรสแรกเข้า
ค่าวีซ่า 2,123 ปอนด์ ได้วีซ่า 2 ปี 9 เดือน
1.2) ก่อนวีซ่าแรกจะหมดอายุก็ต้องต่อเพิ่ม
ค่าวีซ่า 1,533 ปอนด์ ได้วีซ่าอีก 2 ปี 6 เดือน
1.3) ก่อนวีซ่ารอบสองจะหมดอายุหรือสะสมได้ครบ 5 ปีแล้วจึงขอวีซ่าถาวร
ค่าวีซ่า 2,389 ปอนด์



การขอวีซ่าติดตามแบบที่ 2
Settlement-Marriage
วีซ่าติดตามคู่หมั้น
2.1) วีซ่าแรกเข้าเพื่อทำการจดทะเบียนสมรส​ในอังกฤษ​เท่านั้น
ค่าวีซ่า 1,523 ปอนด์ จะได้วีซ่า 6 เดือน
2.2) เมื่อจดทะเบียนสมรสเสร็จแล้ว ต้องยื่นขอต่อเป็นวีซ่าติดตามคู่สมรส
ค่าวีซ่า 1,533 ปอนด์ จะได้วีซ่าอีก 2 ปี 6 เดือน เป็นครึ่งแรกในการสะสมระยะเวลา 5 ปี
2.3) ก่อนวีซ่าครึ่งแรกหมดอายุก็ต้องต่อเพิ่ม
ค่าวีซ่า 1,533 ปอนด์ จะได้วีซ่าอีก 2 ปี 6 เดือน เป็นครึ่งหลังในการสะสมระยะเวลา 5 ปี
2.4) ก่อนวีซ่าครึ่งหลังจะหมดอายุหรือสะสมได้ครบ 5 ปีแล้วจึงขอวีซ่าถาวร
ค่าวีซ่า 2,389 ปอนด์

*หมายเหตุ : ค่าวีซ่าทุกข้อได้รวมทั้งค่าธรรมเนียมและค่าบริการสาธารณสุข(IHS)​แล้ว แต่ไม่รวมค่าสอบต่างๆ ค่าตรวจวัณโรค ค่าใช้จ่ายในการเตรียมและส่งเอกสาร


- - -

*ผู้ที่ขอวีซ่าติดตามครอบครัวมาแต่ไม่ได้มีจุดประสงค์จะอยู่ยูเคอย่างถาวร สามารถขอวีซ่าครั้งละ 2 ปีครึ่งต่อไปเรื่อยๆได้

*ผู้ที่ระยะเวลาวีซ่าติดตามได้ครบ 5 ปีแล้วแต่ยังสอบ Life in the UK ไม่ผ่าน ก็ไม่สามารถขอวีซ่าถาวรได้ จะต้องต่อวีซ่าครั้งละ 2 ปีครึ่งต่อไปจนกว่าจะสอบผ่าน

*ผู้ถือวีซ่าถาวรที่อาศัยอยู่ในยูเคอย่างต่อเนื่อง สามารถยื่นคำร้องขอมีสัญชาติอังกฤษและขอพาสปอร์ตอังกฤษได้ค่ะ

- - -

อ้างอิงข้อมูลจาก

17 April 2018

ทำพาสปอร์ตบริติชให้ลูกในประเทศไทย - Child British Passport Application in Thailand

ลูกครึ่งสัญชาติอังกฤษหรือบริติชทุกคนมีสิทธิ์ขอทำหนังสือเดินทางบริติชค่ะ ไม่ว่าจะเกิดที่ใดในโลกสัญชาติของเด็กที่เกิดจะปรากฎอยู่บนสูติบัตร เมื่อระบุว่าบิดามีสัญชาติอังกฤษหรือบริติช บุตรที่เกิดโดยมารดาสัญชาติไทยก็จะมีสัญชาติแรกตามมารดา และสัญชาติที่สองตามบิดาโดยอัตโนมัติ *นอกเสียจากว่าบิดาไม่มีคุณสมบัติในการส่งต่อสัญชาติให้บุตรที่เกิดนอกยูเคในสาเหตุใดๆก็ตาม ส่วนมารดาสัญชาติบริติชไม่ว่าจะคลอดลูกที่ใดในโลก ลูกก็จะมีสัญชาติบริติชแน่นอนโดยไม่มีเงื่อนไข การขอทำพาสปอร์ตเล่มแรกจากนอกยูเคมีขั้นตอนต่างกันออกไป ขั้นตอนในประเทศไทยมีดังนี้ค่ะ


1. 
เตรียมเอกสาร
เอกสารทุกอย่างที่ใช้ในการทำหนังสือเดินทางบริติชเล่มแรกให้ลูกในประเทศไทยต้องเป็นต้นฉบับตัวจริง ยกเว้นหนังสือเดินทางของบิดาหรือมารดาที่ไม่สามารถเดินทางมาได้ พร้อมถ่ายเอกสารทุกอย่างหนึ่งชุด ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจความถูกต้องของตัวจริงและสำเนา จากนั้นเอกสารตัวจริงจะได้รับคืนภายในวันเดียวกันค่ะ
Bring original documents and a photocopy of each one. The original documents will be returned to you at the application centre.

a) หนังสือเดินทางของบิดา/มารดาชาวบริติช
British Parent’s passport 

b) สูติบัตรฉบับเต็มของบิดา/มารดาชาวบริติช
British parent’s birth certificate - Full version only

c) หนังสือเดินทางของบิดา/มารดาชาวไทย
Thai Parent’s passport

d) สูติบัตรของบิดา/มารดาชาวไทย
Thai parent’s birth certificate

e) บัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของบิดา/มารดาชาวไทย
Thai parent’s Identification card and House Registration

f) ทะเบียนสมรส ใบเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล (ถ้ามี)
Marriage, Name/surname change certificate (if applicable)

g) สูติบัตรไทยของลูก
Child’s Thai Birth Certificate

h) หนังสือเดินทางอื่นๆของลูก
Child’s other passports

i) ทะเบียนบ้านของลูก
Child’s residency evidence; House Registration 

j) ฉบับแปลสำหรับทุกอย่างที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ
Translations of any documents that are not in English

k) รูปถ่ายลูก 2 รูป พื้นหลังสีครีมหรือเทาอ่อน ให้ผู้รับรองเขียนข้อความตามตัวอย่างลงไปหลังรูป พร้อมเซ็นชื่อและลงวันที่
2 Passport-size photos of the child, not exceeding 6 months, taken against a plain cream or light grey background. The countersignatory needs to certify the photograph by giving the child’s full name, sign and date it.


2.
ผู้รับรอง
Countersignatory หรือผู้รับรองมีหน้าที่เซ็นรับรองตัวตนของผู้ที่จะขอพาสปอร์ต ผู้ที่สามารถรับรองให้ได้ต้องรู้จักกับผู้ที่ขอพาสปอร์ต หากผู้สมัครอายุต่ำกว่า 16 ผู้รับรองจะต้องรู้จักพ่อแม่ของเด็กมาแล้วอย่างน้อย 2 ปี ในฐานะเพื่อน เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่คนที่เคยพบกันด้วยหน้าที่แบบผิวเผินอย่างหมอฟัน ถ้าเป็นหมอประจำตัวที่รักษาด้วยมานานถึงจะได้ ผู้รับรองต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในสังคม หรือมีวิชาชีพที่ได้รับการยอมรับ(หรือเกษียณจากอาชีพนั้น) ต้องไม่ใช่ญาติกัน และต้องไม่ได้อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน

นอกจากนั้น เมื่อสมัครพาสปอร์ตจากประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆนอกยูเค ผู้รับรองต้องมีสัญชาติและถือพาสปอร์ตของประเทศเหล่านี้ บริติช, ไอริช, ประเทศในกลุ่มอียู, อเมริกัน, และประเทศในเครือจักรภพ อย่างไรก็ตาม การเดินเอกสารจะรวดเร็วขึ้นถ้าผู้รับรองถือพาสปอร์ตบริติชหรือไอริช


3.
ใบสมัคร
ดาวน์โหลด ปริ๊นท์ กรอกใบสมัครสองส่วนคือ
ให้ผู้รับรองกรอกรายละเอียดของตนเองและเซ็นรับรองลงในส่วนที่ 10

กรอกรายละเอียดบัตรเครดิตหรือเดบิตลงในแบบฟอร์มหนึ่งฉบับต่อหนึ่งใบสมัครที่จะไปยื่น เมื่อใบสมัครไปถึงสำนักงานหนังสือเดินทางแล้ว ค่าใช้จ่ายจะถูกหักออกจากบัญชีในสกุลเงินปอนด์ ค่าธรรมเนียมการทำพาสปอร์ตเด็กเล่มแรกราคา 65.50 ปอนด์ ค่าบริการส่งเอกสารสำคัญข้ามประเทศอีก 23.01 ปอนด์ รวมทั้งหมดเป็น 88.51 ปอนด์


4.
นัดและยื่นเอกสาร
ส่งอีเมลนัดวันยื่นไปที่ BangkokHMPO@vfshelpline.com ระบุวันและเวลาที่สะดวกไป 3 ตัวเลือก เจ้าหน้าที่จะส่งอีเมลคอนเฟิร์มวันเวลาที่แน่นอนกลับมา 

สถานที่ยื่นเอกสาร:

เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พาสปอร์ตจะถูกส่งกลับมาที่ศูนย์รับคำร้อง และเจ้าหน้าที่จะติดต่อให้เข้าไปรับพาสปอร์ตคืน ใช้เวลาไม่เกิน 6 สัปดาห์ค่ะ

15 April 2018

เปรียบ​เทียบการจดทะเบียนสมรสที่ไทยและอังกฤษสำหรับคนไทย - Registering Marriage in Thailand and UK comparison for Thai Citizens

สาวๆที่จะแต่งงานกับหนุ่มอังกฤษหลายคนมีคำถามว่าการจดทะเบียนสมรสในไทยหรืออังกฤษมีความแตกต่างกันยังไง ในทางกฎหมายแล้วไม่แตกต่าง เพราะทะเบียนสมรสใบเดียวมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายทั้งในไทยและอังกฤษ เมื่อจดแล้วไม่สามารถจดซ้ำได้ แต่ต้องเน้นว่ามีข้อแตกต่างทางด้านขั้นตอนโดยเฉพาะกับสาวไทย เพราะมีการเปลี่ยนนามสกุลตามสามี เปลี่ยนคำนำหน้าจากนางสาวเป็นนาง รวมทั้งการอับเดทสถานะสมรสในทะเบียนบ้านมาเกี่ยวข้องด้วย



จดทะเบียนสมรสที่ไทย
- รวมค่าดำเนินการต่างๆ 3300 บาท
- ใช้เวลา 5 วัน
- คนอังกฤษ​มาไทยไม่ต้องทำวีซ่า เสียแค่ค่าตั๋วเครื่องบิน


การเปลี่ยนคำนำหน้าและนามสกุลด้วยทะเบียนสมรสไทย

- ค่าเปลี่ยนนามสกุล, เปลี่ยนสถานะ และทำบัตรประชาชนใหม่ที่อำเภอ ไม่เกิน 100 บาท ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที


เปรียบ​เทียบ​กับ...

จดทะเบียนสมรสที่อังกฤษ
- ค่าดำเนินการขอจดทะเบียน​สมรสเริ่มต้นที่​ 100 ปอนด์ ไม่รวมค่าบริการของแต่ละเขต, ค่าวีซ่า, และค่าตั๋วเครื่องบิน
- ใช้เวลาอย่างน้อย 35 วันก่อนจดทะเบียน​ หรืออาจปรับเพิ่มเป็น 77 วันแล้วแต่กรณี
- มีการสัมภาษณ์ตัวต่อตัวก่อนจดทะเบียน​ อาจต้องจ้างล่ามหากภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง
- คนไทยต้องมีวีซ่าอังกฤษที่สามารถจดทะเบียนสมรสได้
  (a) ท่องเที่ยวเพื่อแต่งงาน 93 ปอนด์เพื่อเข้ายูเคได้ 180 วันเท่านั้น ต่อวีซ่าไม่ได้
 หรือ...
  (b) ติดตามคู่หมั้นเริ่มต้นที่ 1800 ปอนด์ จะได้วีซ่า 180 วันที่สามารถต่อวีซ่าระยะยาวได้ และขออยู่ถาวรได้


การเปลี่ยนคำนำหน้าและนามสกุลด้วยทะเบียนสมรสอังกฤษ

- ค่ารับรองเอกสารราชการที่ยูเค ทั้งที่กระทรวงต่างประเทศ FCO และสถานทูตไทย 50-125 ปอนด์ ไม่รวมค่าจ้างแปลภาษาและค่าส่งไปรษณีย์ ใช้เวลาประมาณ 7 วัน
- ค่าเครื่องบินไปกลับทั้งของเราและสามีในกรณีที่​สามีกลับไปไทยด้วยได้
- ถ้าสามีกลับไทยด้วยไม่ได้ จะต้องมีค่าจ้างทนายเซ็นรับรองหนังสือยินยอมของสามีด้วย และเพิ่มค่ารับรองเอกสารเหล่านี้อีก 60-155 ปอนด์
- ถ้าตัวเรากลับไทยไม่ได้ จะต้องทำหนังสือ​มอบอำนาจ​ให้คนที่ไทยทำแทน ค่าธรรมเนียม​อีก 10 ปอนด์ไม่รวมค่าส่งทางไปรษณีย์​
- ค่าเปลี่ยนนามสกุล, เปลี่ยนสถานะ และทำบัตรประชาชนใหม่ที่อำเภอ ไม่เกิน 100 บาท ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที

- กรณีที่ถือวีซ่าติดตามยูเคแล้ว ค่าเปลี่ยนบัตรBRP 161 ปอนด์รอ 1-2 เดือน หรือ 771 ปอนด์รอ 3 วัน

- กรณี​ที่ถือวีซ่าถาวรยูเคแล้ว ค่าเปลี่ยน​บัตรBRP 229 ปอนด์​รอ 2-6 เดือน หรือ 839 ปอนด์​รอ 3 วัน




Register Marriage in Thailand
- Operational costs at the British Embassy, Ministry of Foreign Affairs and the Marriage Registrar is ฿3300 in total.
- The procedure takes 5 days.
- British national do not need a specific visa to register their marriage in Thailand, only flight tickets needed.

Change surname and title with Thai Marriage Certificate

- Operational fees at a local registration office cost less than ฿100, takes up to 30 minutes.



Compare to...
Register Marriage in the UK
- Operational costs at a designated register office starting at £100 depending on circumstances. Not including the registrar service charge, flight tickets, and visas.
- The procedure takes at least 35 days, or at least 77 days in some circumstances.
- Thai national need a visa that allow them to register a marriage in the UK, which are;
  (a) Marriage Visitor visa, costs £93, to visit UK up to 180 days only, no extension allowed.
 or...
  (b) Settlement Visa for Fiancé, costs starting from £1800, to get initial 6 months leave that is able to extend and settle in the UK.


Change surname and title with UK Marriage Certificate

- UK Marriage Certificate needs to be legalised at the Foreign & Commonwealth Office, then translated to Thai and get approval of translation by a Thai consular. This will cost from £50 - £125, not including translation service and postage, take around 7 days.
- Flight tickets to Thailand for both of you.
- If one or both of you cannot go to Thailand, there will be a solicitor and legalisation cost for legalising consent letter and power of attorney. Then it will need to be legalised by FCO and Thai consular, cost from £50.
- Operational fees at a local Thailand registration office cost less than ฿100, takes up to 30 minutes.

- In case of changing surname while holding a UK settlement visa, you will need to apply for a new Biometric Residence Permit (BRP) card. It cost £161 to apply by post and get the card and passport back in 1-2 months, or £771 to apply in person and get it in a few days

- In case of changing surname while holding a UK permanent residence permit, you will need to apply for a new Biometric Residence Permit (BRP) card. It cost £229 to apply by post and get the card and passport back in 2-6 months, or £839 to apply in person and get it in a few days.



For more information

13 April 2018

การสอบภาษาขอวีซ่าติดตามครอบครัวประเทศอังกฤษ - English Language Test for UK Family Visa

ผู้สนใจจะย้ายถิ่นฐานจากเมืองไทยไปอยู่ยูเคกับครอบครัว สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งถือเป็นข้อบังคับของการยื่นขอวีซ่าตามระเบียบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (UK Visas & Immigration)


ผู้ที่ขอวีซ่าย้ายถิ่นฐานติดตามครอบครัว (Settlement visa) ประกอบด้วยวีซ่าติดตามคู่สมรส (spouse) วีซ่าติดตามคู่หมั้น (proposed marriage) วีซ่าติดตามคู่ครองนอกสมรส (unmaried partner) และวีซ่าติดตามคู่สมรสเพศเดียวกัน (civil partner) จะต้องเข้ารับการทดสอบวัดระดับทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษให้ผ่านขั้นต่ำสำหรับวีซ่าในแต่ละระดับ
- การขอวีซ่าแรกเพื่อย้ายเข้ายูเค (leave to enter) ผู้ขอต้องผ่านระดับA1
- การขอต่อวีซ่าหลังจากอยู่ในยูเคมาแล้วสองปี (further leave to remain) ผู้ขอต้องผ่านระดับA2
- การขอวีซ่าพลเมืองถาวรของยูเค (indefinite leave to remain) ผู้ขอต้องผ่านระดับB1

เพราะฉะนั้น ผู้ที่เพิ่งเริ่มขอวีซ่าแรกเพื่อย้ายเข้ายูเค สามารถเลือกสมัครสอบระดับใด้ก็ได้

เช่น สอบระดับB1เพื่อใช้ขอวีซ่าแรก ต่อวีซ่าในอีกสองปี และขอวีซ่าถาวร ทุกขั้นตอนด้วยใบประกาศผลสอบเพียงฉบับเดียว

หรือจะ สอบระดับA1ขอวีซ่าแรก อีกสองปีไปสอบระดับA2ขอต่อวีซ่า เมื่อถึงเวลาขอวีซ่าถาวรจึงไปสอบB1ก็ได้



ระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ

"กรอบมาตรฐานการประเมินความสามารถทางภาษา จากประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป" หรือ CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) คือกรอบการประเมินความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองใช้วัดระดับผู้ที่ขอวีซ่า CEFRมีทั้งหมด 7 ระดับคือ Pre-A1, A1, A2, B1, B2, C1, C2 แต่ในการขอวีซ่าย้ายถิ่นฐานติดตามครอบครัวใช้การสอบวัดระดับแค่ 3 ระดับคือ A1, A2, และ B1




ความหมายของแต่ละระดับ
ระดับ A1
ภาษาอังกฤษระดับ A1 เพียงพอสำหรับการโต้ตอบอย่างง่าย ยกตัวอย่างเช่น เป็นนักท่องเที่ยวในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ แต่อาจไม่เพียงพอสำหรับจุดประสงค์ทางวิชาการหรือความเชี่ยวชาญอื่นๆ

ผู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษระดับ A1 จะสามารถสื่อสารได้ดังต่อไปนี้:

- เข้าใจและโต้ตอบในสิ่งที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวัน รวมถึงสามารถใช้ประโยคพื้นฐานเพื่อสื่อสารถึงความต้องการที่เป็นรูปธรรม
- แนะนำตัวเองและคนอื่น สามารถถามและตอบคำถามเกี่ยวกับรายละเอียดส่วนบุคคลได้ เช่น สถานที่อยู่อาศัย คนที่รู้จัก และสิ่งของที่มี
- โต้ตอบกับผู้อื่นในกรณีที่ผู้อื่นพูดอย่างช้า ๆ ชัดเจน


ระดับ A2

ภาษาอังกฤษระดับ A2 เพียงพอสำหรับการเข้าสังคมกับผู้ที่พูดภาษาอังกฤษ แต่ยังไม่เพียงพอต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น สามารถสื่อสารได้แต่จะมีการจำกัดอยู่เพียงหัวข้อที่คุ้นเคย ยังไม่เพียงพอสำหรับการศึกษาเชิงวิชาการหรือการใช้งานผ่านสื่อที่เป็นภาษาอังกฤษ

ผู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษระดับ A2 จะสามารถสื่อสารได้มากขึ้นดังต่อไปนี้:

- เข้าใจประโยคและสำนวนที่ใช้บ่อยเกี่ยวกับสิ่งรอบตัว เช่น ข้อมูลพื้นฐานและข้อมูลของครอบครัว การซื้อของ ภูมิศาสตร์ท้องถิ่น การจ้างงาน
- สามารถสื่อสารเรื่องที่ง่ายและเป็นกิจวัตรที่ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยตรงและไม่ยุ่งยากเกี่ยวกับสิ่งที่คุ้นเคยหรือทำเป็นประจำ
- สามารถอธิบายประวัติของตัวเองอย่างง่าย สภาพแวดล้อมขณะที่พูดและเรื่องที่ต้องโต้ตอบทันที


ระดับ B1

ภาษาอังกฤษระดับ B1 เพียงพอสำหรับการโต้ตอบกับผู้ที่พูดภาษาอังกฤษเกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคย การสื่อสารในสถานที่ทำงาน แต่ยังไม่เพียงพอต่อการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างเต็มที่ในสถานที่ทำงานหรือศึกษาภาษาอังกฤษได้อย่างเชี่ยวชาญ

ผู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษระดับ B1 จะสามารถสื่อสารได้มากขึ้นดังต่อไปนี้:

- เข้าใจจุดประสงค์หลักของสิ่งที่คุ้นเคยหรือที่ต้องพบบ่อย ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน โรงเรียน ระหว่างการเดินทาง
- อธิบายสถานการณ์ส่วนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นขณะเดินทางท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ
- สนทนาในหัวข้อที่คุ้นเคยหรือเกี่ยวข้องความสนใจส่วนตัว
- เล่าประสบการณ์และเหตุการณ์ พูดถึงอนาคต และการให้เหตุผลเบื้องต้น
- แสดงความคิดเห็นได้





รูปแบบการสอบ
บริการทดสอบวัดระดับที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหราชอาณาจักร มีเพียง 2 รูปแบบเท่านั้น
1. IELTS Life Skills โดยสถาบันบริติชเคาน์ซิล และสถาบันไอดีพี ทั้งสองสถาบันมีสาขาอยู่ทั่วโลก ในประเทศไทยมีศูนย์สอบอยู่ที่กรุงเทพฯเท่านั้น
2. Graded Examinations in Spoken English (GESE) ของสถาบันตรินิตี้ ซึ่งมี 10 สาขาในสหราชอาณาจักรเท่านั้น




IELTS Life Skills
การสอบ IELTS Life Skills ทดสอบทักษะการพูดและฟัง ปัจจุบันที่ประเทศไทยเปิดสอบเพียงระดับA1และB1 ในการสอบ ผู้สอบจะถูกจับคู่ด้วยการสุ่มกับผู้สอบอีกท่านหนึ่งที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษใกล้เคียงกัน ผู้สอบทั้งสองท่านจะต้องสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษตามหัวข้อที่กำหนด โดยมีอาจารย์เจ้าของภาษาเป็นผู้ดำเนินการสอบ และอาจารย์เจ้าของภาษาอีกท่านหนึ่งนั่งฟังอยู่ในห้องเพื่อจดคะแนนสำหรับการประเมิณผล

การสอบ IELTS Life Skills จะประกอบไปด้วย 2 ส่วน ดังนี้:

ส่วนแรก ผู้สอบจะต้องตอบคำถาม ตั้งคำถาม สนทนาในหัวข้อทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ส่วนที่สอง มีการฟังคลิปเสียงเหตุการณ์จำลองเพื่อทดสอบทักษะการฟังจับใจความ แล้วตอบคำถามและสนทนากับคู่สอบจากข้อมูลที่ได้
สำหรับการสอบระดับ B1 จะเพิ่มเติมการวางแผนคิดกิจกรรมร่วมกันกับคู่สอบ

IELTS Life Skills - A1 ใช้เวลา 16 - 18 นาที

IELTS Life Skills - B1 ใช้เวลา 22 นาที

ผู้เข้าสอบจะถูกประเมินความสามารถการใช้ภาษา 4 ด้านดังนี้

- การรับข้อมูล
- การส่งข้อมูล
- การพูดเพื่อการสื่อสาร
- การโต้ตอบ
*ในระหว่างการสอบ ผู้สอบสามารถจดคำตอบเพื่อเตรียมตอบคำถามได้ เจ้าหน้าที่ผู้คุมสอบจะให้คะแนนเฉพาะทักษะการพูดและการฟังในระหว่างการสอบเท่านั้น


ตัวอย่างหัวข้อในการสอบ IELTS Life Skills
- ครอบครัว เพื่อน และคนรู้จัก
- การงาน
- สุขภาพ
- ดินฟ้าอากาศ
- แหล่งท่องเที่ยวหรือช้อปปิ้ง
- กิจกรรมยามว่าง
- การเดินทางท่องเที่ยว
- การศึกษาและการเรียนรู้